วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อเมริกันบูลล์ด็อก (American Bulldog)


อเมริกันบูลล์ด็อก (American Bulldog)
ตื่นตัวอยู่เสมอ เป็นมิตร ไม่ชอบคนแปลกหน้า
 


ลักษณะทั่วไป
มีขนสั้นและหยาบ สีขนเป็นสีขาว ขาวปนน้ำตาลหรือปนแดงหรือเป็นสีแดงปนขาว


ความเป็นมา
มาจากสายพันธุ์อิงลิชบุลล์ด็อก


ลักษณะนิสัย
ตื่นตัวอยู่เสมอ ชอบออกนอกบ้าน เป็นมิตรกับสมาชิกทุกคนในครอบครัว และคนอื่นที่สมาชิกครอบครัวรับเข้ามา แต่ไม่ชอบคนแปลกหน้าและอาจก้าวร้าวกับสุนัขอื่นได้ เข้ากันได้กับเด็กและสัตว์อื่นรวมทั้งแมวแต่ทั้งนี้ต้องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาตั้งแต่แรก ควรฝึกให้เชื่อฟังคำสั่งตั่งแต่อายุยังน้อย ๆ เพราะหากฝึกตอนโตแล้วจะดื้อรั้นได้


การดูแล

เป็นสุนัขที่กินอยู่ง่าย สามารถปรับตัวได้กับทุกสภาพอากาศ ผู้เลี้ยงควรอาบน้ำทำความสะอาด2 สัปดาห์ครั้ง แต่ต้องแปรงขนให้ทุกสัปดาห์ ด้วยเหตุที่มีภูมิหลังเคยถูกใช้ให้เป็นสุนัขใช้งาน ดังนั้นก็จะต้องพาเดินออกกำลังทุกวัน




ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม
คนที่มีประสบการณืเท่านั้นจึงควรเลี้ยง และไม่เหมาะที่นำมาเลี้ยงในเมืองและตามอพาร์ทเมนท์ที่มีพื้นที่คับแคบ เว้นแต่จะผ่านการฝึกมาเป็นอย่างดีแล้วและให้ออกกำลังอย่างเพียงพอ
  

มาตรฐานสายพันธุ์  

ขนาด
น้ำหนัก 60-120 ปอนด์ ความสูง 21-27 นิ้ว

อลาสกัน มาลามิวท์ (Alaskan Malamute)

อลาสกัน มาลามิวท์ (Alaskan Malamute)
แข็งแรง ใจดี รักสะอาด
    dog

ลักษณะทั่วไป
     สุนัขอลาสกัน มาลามิวท์ เป็นสุนัขพันธุ์เก่าแก่ที่สุดพันธุ์หนึ่งที่ใช้สำหรับลากเลื่อนในเขตอาร์คติก มีลักษณะ อกลึก กล้ามเนื้อแข็งแรงมาก เมื่อยืนตรงมีความสง่างามหัวเชิดสูง สายตาแสดงความตื่นตัว อยากรู้อยากเห็น และเป็นมิตร กระโลกศีรษะกว้าง หูตั้งเป็นรูปสามเหลียม กระบอกปากเรียวเล็กน้อย ไม่แหลม ไม่ยาว แต่ก็ไม่สั้น ขนชั้นนอกหยาบหนา ขนชั้นในอ่อนนุ่ม มาลามิวท์มีหลายสี มาร์กกิ้งบนหน้ามีลักษณะเฉพาะ สีบนหัวลักษณะเหมือนสวมหมวก หน้าอาจสีขาวทั้หมดหรือลักษณะเหมือนสวมหน้ากากและ/หรือมีแถบสี หางเป็นพวงพอดีโค้งไปบนหลัง
มีกระดูกใหญ่ ขาแข็งแรง เท้าเหยียบมั่นคง อกลึกไหล่มีพลัง มีลักษณะทางกายภาพที่เหมาะสมกับการลากเลื่อน การวิ่งย่างก้าวได้มั่นคง สมดุล เหมือนไม่รู้จักเหนื่อย แต่ไม่เหมาะสมกับการลากเลื่อนเพื่อแข่งขันด้านความเร็ว แม้จะแข็งแรงอดทน

ความเป็นมา
     อลาสกัน มาลามิว เป็นสุนัขลากเลื่อน (Sled) แถบอาร์ติกที่เก่าแก่ที่สุดพันธุ์หนึ่ง ได้ตั้งชื่อตามชาวเผ่าพื้นเมืองอินนุยท์ (Innuit) ที่มีชื่อว่า มาลามิว (Mahlamuts) ผู้ซึ่งตั้งบ้านเรือนอยู่แถบชายฝั่งโค เซบู เซาด์ (Kot - zebue sound) ในทางตะวันตกตอนบนอลาสก้า ระยะเวลาก่อนหน้าที่อลาสก้าจะตกมาอยู่ภายใต้การครอบครองของสหรัฐอเมริกา


เครดิต:: http://www.dogilike.com 

อาคิตะ อินุ (Akita inu)

อาคิตะ อินุ (Akita inu)






อะกิตะอินุ (ญี่ปุ่น秋田犬อังกฤษAkita Inu) เป็นชื่อของสายพันธุ์สุนัข มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งแต่เดิมใช้เป็นสุนัขอารักขาให้กับโชกุน และใช้เป็นสุนัขสำหรับการล่าสัตว์ มีทักษะในการดมกลิ่น การมองเห็น และการได้ยินในระดับสูง สุนัขสายพันธุ์นี้เกือบตกอยู่ในภาวะสูญพันธุ์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 

ขนาดและรูปร่าง

ขนาดวัดจากการยืนนับจากไหล่วัดได้ 60 ถึง 66 ซม. (24 ถึง 26 นิ้ว) เพศเมียมีน้ำหนัก 30 ถึง 45 กก. (70 ถึง 100 ปอนด์) ส่วนเพศผู้น้ำหนัก 35 ถึง 54 กก. (75 ถึง 119 ปอนด์) และมีเพียงห้าสีได้แก่: สีแดง, เทาแกมเหลือง, สีเมล็ดงา, แบบเป็นลาย และขาวบริสุทธิ์


ลักษณะนิสัย

อะกิตะอินุ เป็นสุนัขที่มีความจงรักภักดีต่อเจ้าของมาก ตามประวัติความเป็นมา สุนัขที่ชื่อ Hachiko ซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์ อะกิตะอินุ ยืนรอที่สถานีรถไฟชิบูยาทุกวันตลอดระยะเวลา 9 ปี เพื่อรอคอยให้เจ้าของกลับมา อะกิตะอินุ เป็นสุนัขที่เบื่อง่าย หากเขาหงุดหงิดอาจรื้อและทำลายข้าวของในบ้านเสียหายได้ ดังนั้นจึงควรพาสุนัข พันธุ์นี้เดินออกกำลังกายในบริเวณสนามกว้างๆเพื่อเป็นการลดความเครียด สุนัขพันธ์นี้เหมาะสำหรับเลี้ยงเพื่อเฝ้าบ้าน มีความเป็นมิตรกับสมาชิกในครอบครัว


อัฟกัน ฮาวนด์ (Afghan Ho


อัฟกัน ฮาวนด์ (Afghan Hound)
งามสง่า รักสันโดด จงรักภักดี
 {pic-alt} 
ลักษณะทั่วไป
อัฟกาน ฮาวน์ เป็นสุนัขที่มีความสง่างาม ดูแล้วเป็นสุนัขที่มีความคลาสสิคมากในตัว เมื่อมองจากด้านหน้าจะดูตรงหัวเชิด ตรงคอยาวโค้งได้สัดส่วน ขนยาว ท่วงท่าในการเคลื่อนไหวจะต้องสง่าวามให้สมกับที่ฝรั่งเขาตั้งให้ว่าเป็น THE KING OF DOG
ความเป็นมา
จากประเทศที่เขาทำให้ได้ชื่อนี้มาอัฟกัน ฮาวนด์ เป็นสุนัขประจำชาติถึงแม้ว่าจะไม่เป็นทางการก็ตาม ชนพื้นเมืองอัฟกัน เชื่อว่าสุนัขพันธุ์นี้คือสุนัขในภาพวาดบนผนังถ้ำในตอนเหนือของประเทศ แคว้นบัคก์ ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ทำให้สุนัขพันธุ์อัฟกัน ฮาวนด์ มีอีกชื่อหนึ่งว่า บัลก์ฮาวนด์ พวกเขาเป็นนักล่าด้วยสายตามากกว่าการดมกลิ่น เนื่องจากมีสายตาที่ฉับไวเป็นเลิศ และมีความว่องไวซึ่งเป็นสิ่ง สำคัญในการไล่ล่าเหยื่อขนที่หนาฟูปกป้องพวกเขาจากอากาศหนาวจัดในบริเวณตอนเหนือที่มีหิมะตก และในขณะเดียวกันก็ป้องกันพวกเขาจากแสงแดดที่รุนแรงของทะเลทรายอุ้งเท้าที่หนาและใหญ่ และขาหลังที่แข็งแรง ทำให้พวกเขาสามารถเดินทางข้ามทะเลทราย ร้อนจัดหรือบนเขาขรุขระได้
ลักษณะนิสัย
กล่าวว่านิสัยดีแต่โดดเดี่ยว รักสันโดด พวกเขามีความจงรักภักดี และเชื่อฟังคำสั่งเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าขณะที่เป็นลูกสุนัขเขาจะไม่ชอบเล่นสนุกเหมือนสุนัขทั่วๆไป โดยรวมแล้ว สุนัขพันธุ์นี้เข้ากันได้ดีมากกับเด็ก ๆ ไม่ว่าจะคุณจะพาเขาเข้าบ้านตั้งแต่เป็นลูกสุนัขหรือตอนโตแล้ว แล้วก็ตาม พวกเขายังสามารถปรับตัวให้เข้ากับกิจวัตรภายในบ้านได้อย่างไม่ขัดเขิน หากคุณพาเขาไปข้างนอก ก็ไม่ควรปล่อยให้เขาเดินเล่นโดยไม่มีสายตูง เพราะทันทีที่สายตาเขาเล็งเห็นเป้าหมายที่น่าสนใจ ประสาทหู ของเขาจะไม่ได้ยินเสียงคำสั่งของคุณอีกต่อไป
การดูแล

{pic-alt}
สำหรับสุนัขชนิดนี้ผู้เลี้ยงจำเป็นต้องล้อมรั้ว เนื่องจากสายตาที่ว่องไวของเขามักจะก่อให้เกิดปัญหา ควรให้เขาได้ ออกกำลังกาย อาบน้ำและได้รับการดูแลรักษาขนอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการให้อาหารที่เหมาะสมกับลักษณะการเจริญเติบโตตั้งแต่ยังเป็นเด็กและควรจะเตรียมน้ำสะอาดให้ พวกเขาตลอดเวลาด้วย

ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม
ผู้เลี้ยงที่เข้าใจว่าพวกเขาต้องการออกกำลังกายและให้ความสำคัญต่อการดูแลขนอย่างสม่ำเสมอก็สามารถเป็นเจ้าของสุนัขพันธุ์นี้ได้

มาตรฐานสายพันธุ์
 
ขนาด
ตัวผู้สูง 27 นิ้ว ตัวเมียสูง 25 นิ้ว อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่าไม่เกินหนึ่งนิ้ว
ศีรษะ
โหนกยาวได้สัดส่วน บ่งบอกถึงความสมดุลกับลำตัว หน้าผากและใบหน้าเรียบไม่ควรมีสต๊อป สันจมูกเรียบ หรืออาจจะโก่งเล็กน้อย ขนตรงส่วนหัวจะต้องยาวนุ่มสลวย แต่ขนที่ใบหน้าต้องสั้นเกรียน ลูกสุนัขบางตัวจะมีหนวด แต่จะหลุดออกเมื่อโตขึ้น
ตา
ยาวคล้ายผลอัลมอนด์ ดวงตาสีดำหรือสีคล้ำใสไม่ฝ้าฟาง
หู
ยาว ต้องอยู่ในแนวเดียวกับตา เนื้อปลายหูจะต้องยาว เวลาวัดจะต้องยาวถึงจมูก อย่างน้อยที่สุด ปกคลุมด้วยขนยาว
คอ
ยาว แข็งแรง โค้งมนได้สัดส่วน จนถึงหัวไหล่ ซึ่งยาวโค้งและลู่ไปข้างหลัง
จมูก
โตพอสมควรและต้องเป็นสีดำ
ลำตัว
เส้นตรงในระดับหัวไหล่ถึงสะโพกแข็งแรงและมีกระดูกสะโพกโผล่ เล็กน้อย สีข้างเรียบ ความสูงจากพื้นถึงหัวไหล่เท่ากับความยาวจากข้างหน้าถึงข้างหลัง
หาง
ไม่อยู่สูงเกินไปจากเส้นหลัง ต้องขดเป็นวงแหวนหรือตรง ส่วนปลายโค้งเหมือนดาบแขก แต่จะต้องไม่ขดเหมือนก้นหอย หางต้องไม่เบี้ยวไปข้างใดข้างหนึ่ง เวลาวิ่งหางจะต้องไม่ไปจุกที่ก้น
ขาหน้า
ตรง แข็งแรง และมีช่วงยาวสวยงามระหว่างข้อศอกกับข้อพับเท้าสุนัขที่มีหัวไหล่ตรงเป็นสุนัขที่ผิดแสตนดาร์ด
ขน
ปกคลุมยาวทั้งตัวยกเว้นขนหลัง หน้าและหางมีขนปกคลุมยาวไม่มาก ลักษณะเส้นขนนุ่มเส้นบางไม่หนาหยาบ ในสุนัขที่โตเต็มที่ขนหลังจะต้องสั้นเกรียนสีเข้มกว่าสีขนบนลำตัว
สี
ทุกสี เช่น ขาว ครีม เทา ดำแดง ดำเงิน รวมไปถึงลายเสือ
น้ำหนัก
ตัวผู้ประมาณ 28 กก. ตัวเมียประมาณ 23 กก
ภาพประกอบ : http://en.wikipedia.org
picturesdepot.com
photos.ibibo.com
www.greatdogsite.com
  

อ่านต่อ : http://www.dogilike.com/breeds/36/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%9F%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%AE%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C.php#ixzz20aQ1K9UK

สายพันธุ์สุนัข List of dog breeds



รายชื่อสายพันธุ์สุนัข

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
raiwan_C_D_0.out 

รายชื่อสายพันธุ์สุนัข เป็นการรวบรวมรายชื่อสายพันธุ์สุนัข จากทุกสปีชีส์ทั่วโลก

1    เกรย์ฮาวด์, อิตาเลียน เกรย์ฮาวนด์ [Italian Greyhound]
2   เกรทเดน, เกรตเดน [[Great Dane]
3    โกลเดนรีทรีฟเวอร์ [Golden Retriever]
4    ค็อกเกอร์สเปเนียล
5    แคนาเดียน เอสกีโม ด็อก
6    คอลลี่
7    แจ๊กรัสเซลล์เทอร์เรีย
8    ชิสุ
9    ชาเป่ย
10 เชา เชา
11 ชิวาวา
12 เซนต์เบอร์นาร์ด (พันธุ์สุนัข)
13 ซาลูคิส์ (พันธุ์สุนัข)
14 ไซบีเรียส ฮัสกี้
15 ชเนาเซอร์
16 ชามอย
17 เชทแลนด์ ชีพด็อก
18 ดัชชุน
19 ดัลเมเชียน
20 โดเบอร์แมน
21 ไทยบางแก้ว
22 ไทยหลังอาน
23 บ็อกเซอร์
24 บอสตันเทอร์เรีย
25 บาเซ็นจิ
26 บีเกิล
27 บูลล์เทอร์เรีย
28 แบล็ค รัสเซียน เทอร์เรีย
29 เบลเยี่ยม มาลินอร์ส
30 บางแก้ว
31 ปอมเมอเรเนียน
32 ปั๊ก
33 ปักกิ่ง (พันธุ์สุนัข)
34 ปาปิยอง
35 พุดเดิ้ล
36 พิทบลู เทอร์เรีย
37 เฟรนช์บูลด็อก
38 พาร์สันแจ๊กรัสเซลล์เทอร์เรีย
39 มัลทีส
40 มิเนเจอร์พินช์เชอร์
41 แมสทิฟทิเบต
42 ยอร์คเชียร์เทอร์เรีย
43 เยอรมันเชฟเฟิร์ด
44 ร็อตไวเลอร์
45 รัสเซลล์ เทอร์เรีย
46 ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์
47 โลชอง
48 ลาซา แอปโซ
49 เวสต์ ไฮแลนด์ ไวท์ เทอร์เรีย
50 สก็อตติชเทอร์เรีย
51 สก็อตติช เดียร์ฮาวนด์
52 สปิตซ์
53 อเมริกันบูลล์ด็อก
54 อเมริกัน เอสกีโม ด็อก
55 อลาสกันมาลามิว
56 ออสเตรเลียน ซิลค์กี เทอร์เรีย
57 อัลเซเชียน
58 อัฟเฟนพินส์เชอร์
59 อัฟกัน ฮาวนด์
60 อาคิตะ อินุ
61 อาเจนไตน์ โดโก
62 อิงลิช แมสตีฟ
63 อิงลิชเซทเตอร์
64 โอลด์อิงลิชชีปด็อก

สุนัข สัตว์เลี้ยงคู่ใจ


                                                         สุนัข สัตว์เลี้ยงคู่ใจ

สุนัข หรือ หมา เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมหลายชนิดหลายสกุลในวงศ์ Canidae ออกลูกเป็นตัว ลำตัวมีขนปกคลุม มีเขี้ยว 2 คู่ เท้าหน้ามี 5 นิ้ว เท้าหลังมี 4 นิ้ว ซ่อนเล็บไม่ได้ อวัยวะเพศของสุนัขตัวผู้มีกระดูกอยู่ภายใน 1 ชิ้น สุนัขที่ยังคงเป็นสัตว์ป่า เช่น หมาใน (Cuon alpinus) สุนัขที่เลี้ยงเป็นสัตว์บ้าน คือ ชนิด Canis lupus familiaris สุนัขเป็นสัตว์ที่มีหลายพันธุ์ เช่น ลาบราดอร์, โกลเด้น, ชิวาวา และอีกมากมาย มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ ดุและไม่ดุ พันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ เช่น โกลเด้น ลาบราดอร์ ที่มีขนาดเล็ก เช่น ชิวาวา ชิสุ ส่วนที่ดุ ได้แก่ ร็อดไวเลอร์ อัลเซเชียน สุนัขแต่ละพันธุ์จะมีนิสัยแตกต่างกัน
สุนัขพัฒนามาจากสัตว์กินเนื้อและล่าเหยื่อ ดังนั้นวิวัฒนาการของฟันสำหรับเคี้ยวเนื้อและกระดูกจึงยังคงมีอยู่ รวมทั้งการมีประสาทดมกลิ่นและตามล่าเหยื่อที่ดีมาก นอกจากนี้สุนัขยังมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงทำให้วิ่งได้เร็วและเร่งความเร็วได้เท่าที่ต้องการ ลักษณะการเดินของสุนัขจะทิ้งน้ำหนักตัวบนนิ้วเท้า ซึ่งส่งผลให้สุนัขเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วกว่าสัตว์ชนิดอื่น นอกจากนี้สุนัขยังมีสัญชาตญาณในการทำงานเป็นกลุ่ม ดังนั้นสุนัขจึงสามารถล่าสัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ[1]

ประวัติ

สุนัขมีต้นกำเนิดมาจากสุนัขป่า มนุษย์แถบขั้วโลกเหนือนำมันมาเลี้ยงเมื่อประมาณ 12,000 ปีที่แล้ว เชื่อกันว่า สุนัขป่าตัวแรกนั้น เกิดขึ้นเมื่อ 100 ล้านปีก่อน การอพยพข้ามถิ่นและทวีปต่าง ๆ ทำให้สุนัขมีหลายสายพันธุ์ ชาวจีนมีความเชื่อว่าสุนัขที่ชื่อ Fu มีความซื่อสัตย์ และนำความเจริญมาให้ เป็นสุนัขคล้ายพันธุ์ปักกิ่ง "อนูบิส" ซึ่งเป็นชื่อของเทพเจ้าอียิปต์ที่ตัวเป็นคน หัวเป็นสุนัข และเชื่อว่าสามารถส่งวิญญาณมนุษย์ได้[2][3]
สุนัขพันธุ์ที่เรียกได้ว่าเป็นสุนัขพันธุ์ต้นตระกูลคือพันธุ์สุนัขทองที่มีอยู่อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ต่อมามีสุนัขป่าอีกพันธุ์หนึ่งที่มนุษย์นำมาเลี้ยงมีชื่อภาษาละตินว่าConis Lupees ซึ่งแปลว่าสุนัขป่า สุนัขป่าชนิดนี้จะเชื่องกว่าสุนัขธรรมดา มีขนยาว หางเป็นแผง หูตั้ง กระดูกแก้มโหนก และหางของมันจะเอนขึ้นข้างบน มีนิสัยรักอิสระกว่าสุนัขทอง สุนัขป่านี้เมื่อมาอยู่กับมนุษย์ก็ผสมพันธุ์กับสุนัขทอง ออกลูกหลานสืบมาเป็นสุนัขพันธุ์ต่าง ๆ มากมาย พันธุ์สุนัขที่เห็นทุกวันนี้ได้รับเชื้อสายมาจากสุนัขพันธุ์ทองเกือบทั้งหมด
การค้นคว้าวิจัยและศึกษาเรื่องราวของสุนัข ได้มีขึ้นในประเทศอังกฤษ ในแถบยุโรปและอเมริกา แล้วจึงแพร่หลายไปในส่วนต่าง ๆ ของโลก ในสหรัฐอเมริกาได้มีการจัดตั้งเป็นสมาคมผู้เลี้ยงสุนัขขึ้นในปี ค.ศ. 1878 (พ.ศ. 2421) สุนัขพันธุ์แท้ชนิดแรกที่ได้จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกาคือ สุนัขพันธุ์อิงลิชเซทเตอร์ ในประเทศอังกฤษได้มีการรวบรวมกันตั้งสมาคมผู้เลี้ยงสุนัขขึ้นเช่นกันในปี ค.ศ. 1859 (พ.ศ. 2402) ในครั้งแรกสมาคมนี้ได้รับรองให้จดทะเบียนสุนัขพันธุ์แท้ได้ 40 สายพันธุ์ และได้จัดวิธีการรับรองสุนัขพันธุ์ต่าง ๆ เพื่อความเหมาะสมถึง 2 ครั้ง ในปี ค.ศ. 1881 (พ.ศ. 2424) สมาคมนี้ได้ให้การรับรองพันธุ์แท้ต่าง ๆ รวมเป็นจำนวน 46 พันธุ์ การแก้ไขเพิ่มเติมการรับรองเป็นสุนัขพันธุ์แท้เป็นครั้งสุดท้าย เมื่อปี ค.ศ. 1974 (พ.ศ. 2417) ได้มีสุนัขที่ให้การรับรองทั้งหมด 100 สายพันธุ์
สำหรับในประเทศไทยนั้น ก็มีผู้สนใจการเลี้ยงสุนัขรวบรวมกันจัดตั้งสมาคมขึ้นเช่นกัน โดยปรารถนาจะส่งเสริมบำรุงและอำนวยประโยชน์ให้แก่ผู้เลี้ยงสุนัขเหมือนกับต่างประเทศ โดยใช้ชื่อว่า สมาคมผู้นิยมสุนัขแห่งประเทศไทย ได้ทำการจดทะเบียนตั้งสมาคมเมื่อปี ค.ศ. 1955 (พ.ศ. 2498) ถือเป็นการวางรากฐานในการเลี้ยงสุนัขขึ้นในประเทศไทยเป็นแห่งแรก และตั้งใจที่จะให้เป็นประโยชน์แก่ผู้เลี้ยงสุนัขในประเทศไทยได้เช่นเดียวกับต่างประเทศ[3]

บรรพบุรุษ และที่มาของความเชื่อง

วิวัฒนาการด้านโมเลกุลของสุนัขชี้ให้เห็นว่าสุนัขเลี้ยงนั้น (Canis lupus familiaris) สืบทอดมาจากจำนวนประชากรหมาป่า (Canis lupus) เพียงตัวเดียวหรือหลายตัว สะท้อนให้เห็นถึงการตั้งชื่อพวกมัน สุนัขสืบทอดจากหมาป่าและสามารถผสมข้ามพันธุ์กับหมาป่าได้ด้วย
ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสุนัขนั้นถูกฝังลึกในด้านโบราณคดีและหลักฐานที่ตรงกันชี้ให้เห็นช่วงเวลาของการทำให้สุนัขเชื่องในยุคหินใหม่ ใกล้ ๆ กับขอบเขตของช่วงเพลสโตซีนและโฮโลซีน ในระหว่าง 17,000 - 14,000 ปีมาแล้ว ซากกระดูกฟอสซิลและการวิเคราะห์ยีนของสุนัขในยุคอดีตกับปัจจุบัน และประชากรหมาป่ายังไม่ถูกค้นพบ สุนัขทั้งหมดสืบอายุอาจเกิดจากเหตุการณ์ที่ทำให้เชื่องด้วยตัวเองหรือไม่ก็ได้ถูกทำให้เชื่องด้วยตัวมันเองในพื้นที่มากกว่าหนึ่งพื้นที่ สุนัขที่ถูกเลี้ยงให้เชื่องแล้วอาจจะผสมข้ามพันธุ์กับประชากรหมาป่าที่อยู่ในถิ่นนั้น ๆ ในหลาย ๆโอกาส กระบวนการนี้รู้จักในทางทางพันธุศาสตร์ว่า อินโทรเกรสชัน (Introgression)
ในยุคแรก ๆ ฟอสซิลสุนัข กะโหลก 2 จากรัสเซียและขากรรไกรล่างจากเยอรมนี พบเมื่อ 13,000 ถึง 17,000 ปีมาแล้ว บรรพบุรุษของมันเป็นหมาป่าโฮลาร์กติก (Canis lupus lupus) ซากศพของสุนัขตัวเล็กจากถ้ำของสมัยวัฒนธรรมนาทูเฟียนของยุคหินได้ถูกเก็บไว้ในแถบตะวันออกกลาง มีอายุราว 12,000 ปีมาแล้ว เข้าใจว่าเป็นทายาทมาจากหมาป่าในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภาพศิลปะบนหินและซากกระดูกชี้ให้เห็นว่า เป็นเวลากว่า 14,000 ปีมาแล้วที่สุนัขในที่นี้กำเนิดจากแอฟริกาเหนือข้ามยูเรเชียไปถึงอเมริกาเหนือ หลุมฝังศพสุนัขที่สุสานยุคหินของเมืองสแวร์ดบอร์กในประเทศเดนมาร์กทำให้นึกไปถึงในยุคยุโรปโบราณว่าสุนัขมีค่าเป็นถึงเพื่อนร่วมทางของมนุษย์
การวิเคราะห์ทางยีนได้ให้ผลลัพธ์ที่ออกมาไม่เหมือนกันมาจนถึงทุกวันนี้ วิล่า ซาโวไลเนน และเพื่อนร่วมงาน พ.ศ. 2540 สรุปว่าบรรพบุรุษของสุนัขได้แยกออกจากหมาป่าชนิดอื่น ๆ มาเป็นเวลาระหว่าง 75,000 ถึง 135,000 ปีมาแล้ว เมื่อผลการวิเคราะห์ที่ตามมาโดยซาโวไลเนน พ.ศ. 2545 ชี้ให้เห็น เผ่าพันธุ์ดั้งเดิมจากกลุ่มยีนสำหรับประชากรสุนัขทั้งหมด ระหว่าง 40,000 ถึง 15,000 ปีมาแล้ว ในเอเชียตะวันออก เวอร์จีเนลลี่ พ.ศ. 2548 แนะนำว่าอย่างไรก็ดี ช่วงเวลาของทั้งคู่จะต้องถูกประเมินผลอีกครั้งในการค้นพบเมื่อเร็ว ๆ นี้แสดงให้เห็นว่า นาฬิกาโมเลกุลแบบเก่าที่ใช้วัดเวลานั้นได้กะเวลายุคสมัยของเหตุการณ์ทางธรณีวิทยาเกินความจริง โดยในความจริง และในการเห็นพ้องกันว่าด้วยเรื่องหลักฐานทางโบราณคดี เป็นเวลาเพียง 15,000 ปีเท่านั้นที่ควรจะเป็นช่วงชีวิตสำหรับความหลากหลายของของสุนัขหมาป่า
สหภาพโซเวียตเคยพยายามนำสุนัขจิ้งจอกมาเลี้ยงให้เชื่อง เช่นในสุนัขจิ้งจอกเงิน และสามารถนำมันมาเลี้ยงได้เพียงแค่ 9 ชั่วอายุของมันหรือน้อยกว่าอายุขัยของมนุษย์ นี่ยังเป็นผลในการเปลี่ยนแปลงด้านอื่น เช่น สี ที่จะกลายเป็นสีดำ สีขาว หรือสีดำปนขาว พวกมันได้พัฒนาความสามารถในการขยายพันธุ์ตลอดปี หางที่โค้งงอมากขึ้น และหูที่ดูเหี่ยวย่น

[แก้]ลักษณะทั่วไปและการล่าเหยื่อ

สุนัขเป็นสัตว์ที่มีหลายสายพันธุ์ ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีลักษณะทั่วไปและลักษณะเฉพาะที่ต่างกันออกไป แต่ลักษณะโดยรวมของสุนัขทั่ว ๆ ไปแล้ว สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ออกลูกเป็นตัว มีขนสั้นหรือยาวแตกต่างไปตามสายพันธุ์ บางตัวอาจมีขนสีดำ สีขาว สีน้ำตาล สีส้ม หรือบางตัวอาจมีหลายสีปะปนกัน ขนาดของหูจะสั้นหรือยาวก็แตกต่างไปตามสายพันธุ์เช่นกัน สุนัขสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ดังนี้

[แก้]สุนัขเล่นกีฬา

สุนัขเล่นกีฬา (Sporting Dogs) เป็นสุนัขพันธุ์ที่ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อเป็นผู้ช่วยในการล่าสัตว์โดยเฉพาะ มีหน้าที่การค้นหาเหยื่อ และนำเหยื่อกลับมาให้เจ้าของ เราสามารถแบ่งสุนัขเล่นกีฬาได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้
  • สเปเนี่ยน เป็นพันธุ์สุนัขที่มีรูปร่างขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป เฉลียวฉลาด จมูกรับกลิ่นได้ดี ลักษณะเด่นคือหูยาวตูบ แบ่งย่อยได้เป็น 2 กลุ่มคือ พันธุ์ที่ใช้ล่าสัตว์ และพันธุ์ขนาดเล็ก (ปัจจุบันจัดอยู่ในกลุ่มสุนัขที่เลี้ยงไว้ดูเล่น) ในขณะที่มันออกล่าสัตว์ เมื่อมันพบเหยื่อ มันจะพุ่งเข้าโจมตีเหยื่อทันที
  • พอยเตอร์ และเซทเตอร์ เป็นพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่กว่าสเปเนี่ยน ขายาว หูตูบ และจมูกรับกลิ่นได้ดี
  • รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่เป็นมิตร แข็งแรง มีโครงสร้างดี และ มีความเชี่ยวชาญในการล่าสัตว์ มันถนัด การค้นหา และนำเหยื่อกลับมาให้เจ้าของ มันมักจะทำงานร่วมกับสุนัขพันธุ์สเปเนี่ยน นอกจากนี้ รีทรีฟเวอร์ยังสามารถว่ายน้ำได้ดี มันจึงมักถูกใช้ในการล่าสัตว์ปีกที่บินอยู่เหนือน้ำ เช่น ห่านป่า เป็นต้น

[แก้]สุนัขเทอร์เรีย

สุนัขเทอร์เรีย (Terriers) เป็นสุนัขขนาดเล็ก ต้นกำเนิดอยู่ในประเทศอังกฤษ มีนิสัยชอบดมกลิ่น อยากรู้อยากเห็น ตามรอย และขุดหาสิ่งที่สงสัย มันจึงกลายเป็นผู้ช่วยในการล่าสัตว์ สุนัขเทอร์เรียจะทำหน้าที่ตามรอยสัตว์ป่า เช่น กระต่าย หนู แบดเจอร์ หมาป่า เมื่อพบแหล่งที่อยู่อาศัยของเหยื่อ มันจะมุดลงไปในรูนั้น ทำให้สัตว์เหล่านั้นตกใจและวิ่งออกมาจากรัง เพื่อให้คนตามล่าต่อไป
แม้เทอร์เรียจะเป็นสุนัขที่มีขนาดเล็ก ขาสั้น แต่เคลื่อนไหวได้อย่างว่องไว มีความมานะอดทน บากบั่น กล้าหาญ ทำให้มันเคยถูกใช้เป็นสุนัขสงคราม แต่ปัจจุบันนิยมนำมาเลี้ยงเป็นเพื่อนเล่นในบ้าน
สุนัขเทอร์เรียแยกย่อยได้อีกหลายสายพันธุ์ อาจแบ่งเทอร์เรียเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ตามลักษณะของขน ได้แก่
  • พันธุ์ขนเรียบและสั้น เช่น ฟอกซ์ เทอร์เรียขนสั้น
  • พันธุ์ขนหยาบและยาว เช่น สก็อตทิช เทอร์เรีย และ เคอรีบลู เทอร์เรีย เป็นต้น
บนเกาะอังกฤษนั้น มีสุนัขเทอร์เรียอีกมากมายหลายสายพันธุ์ กระจายไปตามท้องที่ต่าง ๆ แต่ส่วนหนึ่งได้กลายพันธุ์ไป เหลือแต่สายพันธุ์ที่ได้รับความนิยม เช่น
  • ฟ็อกซ์ เทอร์เรีย, บูล เทอร์เรีย, แบดลิงตัน และ แมนเชสเตอร์ เทอร์เรีย จากเกาะอังกฤษ
  • สกาย, เครน และ สก็อตทิช เทอร์เรีย จากสก็อตแลนด์ ไอริช และเคอรีบลู เทอร์เรีย จากไอร์แลนด์ เป็นต้น

[แก้]สุนัขทำงาน

สายพันธุ์สุนัขทำงาน (Working dogs) ได้จากการที่มนุษย์พบว่าสุนัขเป็นสัตว์ที่มีความสามารถเกินกว่าที่คาดไว้ มันมีความฉลาด แข็งแกร่ง ว่องไว มานะอดทน สายตาดี และติดตามกลิ่นได้อย่างดีเยี่ยม สุนัขจึงถูกคัดเลือกพันธุ์เพื่อใช้งาน นอกเหนือจากการล่าสัตว์ จึงได้สายพันธุ์นี้ ที่มีลักษณะเด่น แตกต่างกันไปและมีทักษะที่หลากหลาย
มนุษย์นำสุนัขมาใช้งาน เป็นเวลานับร้อยปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็น เลี้ยงเพื่อเฝ้ายาม สำรวจหาระเบิดในสงคราม ต้อนฝูงสัตว์ ลากสัมภาระ ตามรอยหาผู้ร้าย และ ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ปัจจุบันยังมีสุนัขที่ถูกฝึกเลี้ยงไว้เพื่อเป็นผู้ช่วยตำรวจ นำทางให้กับคนพิการด้านสายตา ตรวจค้นยาเสพติด แก๊สรั่ว วัตถุระเบิด และช่วยเหลือผู้พิการด้านการได้ยินอีกด้วย ตัวอย่างของสายพันธุ์สุนัขตำรวจ ได้แก่ บ็อกเซอร์, พินซ์เช่อร์, โดเบอร์แมน, รอทไวเลอร์ เยอรมันเชพเพิร์ด, เกรดเดน เป็นต้น
ยังมีสุนัขทำงานอีกกลุ่มหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของชาวไร่ชาวนา เช่น คอลลี, พูลิ, โอลด์ อิงลิช ชีพด็อก, เยอรมันเชพเพิร์ด, เช็ทแลนด์ ชีพด็อก และ คอร์กี้ โดยสุนัขพวกนี้ จะคอยช่วยเหลือชาวไร่ ในการเฝ้าดูแลฝูงปศุสัตว์ เนื่องจากพวกมันช่วยชาวไร่ทำงานได้ดีมาก ดังนั้น เกือบทุกประเทศที่มีการเลี้ยงสัตว์ จะมีการพัฒนา สายพันธุ์สุนัขต้อนสัตว์ จนได้พันธุ์สุนัขประจำถิ่นของตนเอง เช่น คอลลี จากสก็อตแลนด์ พูลิ จากฮังการีและ คอร์กี้ จากเวลส์ เป็นต้น
สุนัขเป็นสัตว์ที่มีความอดทน และแข็งแกร่ง จนสามารถช่วยมนุษย์ทำงานหนัก ๆ ได้ นอกจากนี้ ประเทศในเขตอากาศหนาวมาก ๆ ซึ่งการเดินทาง เป็นไปด้วยความยากลำบาก ยังใช้สุนัข เช่น อะลาสกัน มาลามูท, ไซบีเรียน ฮัสกี้ และ ซามอยด์ เพื่อเป็นพาหนะเดินทาง โดยสามารถวิ่งได้ระยะทางถึง 160 กิโลเมตร ในเวลา 18 ชั่วโมง
สุนัขแต่ละตัวมักจะมีความสามารถเฉพาะอย่าง มนุษย์มักใช้สุนัขทำงานอีกหลายประเภท โดยสุนัขบางพันธุ์ถูกฝึกเพื่อทำงานเฉพาะอย่าง เช่น สุนัขเซนต์ เบอร์นาร์ดถูกฝึกให้ค้นหา และนำบรั่นดีไปให้กับผู้หลงทางในหิมะ เบอร์นีส เมาน์เทน ช่วยลากเลื่อนที่บรรทุกนมและเนยไปส่งที่ตลาด โปรตุกีส วอเทอร์ ด็อก ช่วยดำน้ำงมหาอวนและเครื่องมือหาปลาที่ตกน้ำ หรือแม้กระทั่งปลาที่หลุดออกไปจากอวน นอกจากนี้ ยังมีสุนัขที่ทำหน้าที่ประหลาดที่สุด คือ สุนัขพันธุ์นอร์วีเจียน ลุนเดฮันด์ กลายเป็นสุนัขที่ใช่ในการล่านก โดยถูกฝึกมาให้ทำงานในถ้ำ หรือหน้าผาที่สูงชัน เพื่อจู่โจมกับรังนกพัฟฟินอีกด้วย

[แก้]สุนัขตุ๊กตา

สุนัขตุ๊กตา (Toy) เป็นสุนัขตัวเล็กๆ เดิมเป็นสุนัขตัวใหญ่ แต่ถูกพัฒนาพันธุ์จนกลายเป็นสุนัขตัวเล็ก สุนัขประเภทนี้เหมาะสำหรับ เลี้ยงไว้แก้เหงา มันสามารถแก้เหงาให้กับคนชราที่ถูกทอดทิ้ง คนป่วย รวมไปถึงเด็ก ๆ ให้หายจากความโดดเดี่ยว
สุนัขตุ๊กตาถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อหลายพันปีมาแล้ว โดยเมื่อ 4,000 ปีก่อน สุนัขสิงโต (Lion Dogs) ที่หน้าตาคล้าย ๆ กับ สุนัขปักกิ่งในจีน และพบแลปด็อกส์ ที่โด่งดังในกลุ่มชาวโรมัน ในสมัยก่อนนั้น สุนัขตุ๊กตาเป็นที่นิยมมากในกลุ่มผู้หญิง และเด็ก ๆ ในสังคมชั้นสูง
แม้ว่าสุนัขตุ๊กตาจะตัวเล็ก แต่มันก็ยังมีสัญชาตญาณของสุนัขอยู่ครบถ้วน มันพร้อมที่จะปกป้องเจ้านาย และบ้านที่มันอาศัยอยู่ โดยการเห่าเสียงดัง ๆ หรือร้องครวญคราง เพื่อเตือนเมื่อมีผู้บุกรุก และบางตัวอาจจู่โจมผู้บุกรุกก็มี

[แก้]สุนัขอเนกประสงค์

สุนัขอเนกประสงค์ (Non Sporting) เป็นสุนัขนานาประโยชน์ตามแต่เจ้าของจะใช้งาน สุนัขพวกนี้หลาย ๆ พันธุ์มีผู้นิยมซื้อมาเลี้ยงกันมาก อย่างเช่น สุนัขพันธุ์ดัลเมเชี่ยน เป็นต้น เนื่องจากเป็นสุนัขที่ประโยชน์ใช้สอยที่ไม่ธรรมดา สุนัขพันธุ์ลาซา แอพโซ่ เป็นสุนัขที่ลามะในธิเบตเลี้ยงไว้เพื่อป้องกันภัย และถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภ สำหรับสุนัขพันธุ์เชาเชา ซึ่งถือกำเนิดในมองโกเลียเมื่อ 3,000 ปีก่อน ในช่วงแรก ๆ เป็นสุนัขที่ถูกใช้ในสงคราม แต่ต่อมากลับถูกชาวจีนฆ่าเพื่อเป็นอาหาร และนำเอาขนของมันไปทำเครื่องนุ่งห่ม

[แก้]ความรู้สึกและสัญชาตญาณ

สุนัขแต่ละตัวและแต่ละสายพันธุ์ มีสัญชาตญาณของตนเอง นับตั้งแต่เริ่มกระบวนการเปลี่ยนแปลง จากสุนัขป่ามาเป็นสุนัขเลี้ยง ได้มีการคัดเลือกและพัฒนาสายพันธุ์สุนัขสืบทอดกันมามากกว่า 4,000 ชั่วอายุ ทำให้ลักษณะร่างกายของสุนัขหลายสายพันธุ์ เปลี่ยนแปลงไปจากบรรพบุรุษของพวกมันอย่างมาก แต่สุนัขแต่ละสายพันธุ์ยังคงรักษาลักษณะพฤติกรรมของสุนัขป่าที่มันเคยเป็นไว้ได้ไม่มากก็น้อย ทั้งสุนัขป่าและสุนัขเลี้ยงมีวิธีสื่อสารโดยการเห่า การใช้ภาษากาย และสัญชาตญาณในการรวมกลุ่ม

[แก้]ลักษณะทางกายภาพ

การผสมพันธุ์สุนัขสมัยใหม่ได้แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายในเรื่องของขนาด รูปร่างหน้าตา และพฤติกรรมมากกว่าสัตว์เลี้ยงในบ้านชนิดอื่นๆ สุนัขจะได้คุณสมบัติต่าง ๆ จากบรรพบุรุษของมัน ซึ่งก็คือหมาป่า สุนัขเป็นผู้ล่าและสัตว์ที่ชอบคุ้ยหาของตามกองขยะ มันมีฟันที่แหลมคมและฟันเขี้ยวที่แข็งแรงสำหรับจู่โจม จับถือและฉีกอาหารของพวกมัน แม้ว่าการผสมพันธุ์ที่เลือกไว้เพื่อขยายพันธุ์ได้เปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของการผสมพันธุ์ต่าง ๆ สุนัขทุกตัวจะจดจำคุณสมบัติต่าง ๆ จากบรรพบุรุษรุ่นแรก ๆ เหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่กินสัตว์เป็นอาหารอื่น ๆ ทั่วไป สุนัขมีกล้ามเนื้ออันทรงกำลัง กระดูกข้อเท้าที่ต่อเข้าด้วยกัน มีระบบหัวใจและหลอดเลือดที่คอยช่วยให้สุนัขวิ่งได้ดีและมีความอดทนอดกลั้น และมีฟันที่ใช้สำหรับจับและฉีกอาหาร ไม่เหมือนกับมนุษย์ที่เดินด้วยฝ่าเท้า แต่สุนัขเดินด้วยฝ่ามือและฝ่าเท้าพร้อม ๆ กัน

[แก้]การมองเห็นของสุนัข

เรายังสรุปไม่ได้ว่าสมองของสุนัขจะแปลความหมายสิ่งที่มองเห็นว่าเป็นอย่างไร ต้องมีการศึกษาเรื่องนี้โดยนักพฤติกรรมสุนัข มีงานวิจัยที่น่าสนใจทำการศึกษาโดย Neitz, Geist and Jacobs ใช้วิธีการนำแผนสี่เหลี่ยมที่มี 3 สี วางไว้หน้าสุนัข ฝึกให้สุนัขหยิบสีที่แตกต่าง เพื่อผู้วิจัยจะได้เดาได้ว่าสีอะไรที่สุนัขมองเห็น คำถามก็คือสุนัขหยิบแผ่นสีจากความแตกต่างของสี ไม่ใช่ความแตกต่างของแสง จากการศึกษานี้ได้กล่าวว่า สุนัขมองเห็นได้คล้ายคนตาบอดสี ซึ่งไม่สามารถแยกสีแดงและสีเขียวออกจากกันได้ นอกจากนั้นโลกของสุนัขจะประกอบด้วยสี เหลือง น้ำเงิน และเทา โดยเมื่อคนเราเห็นสีแดงสุนัขจะเห็นเป็นสีเหลือง เราเห็นสีเขียวสุนัขจะเห็นสีขาวออกเทาๆ บริเวณสีขาวซึ่งเรียกว่า จุดไม่มีสี เกิดขึ้นที่บริเวณ 480 nm ของแถบสีที่มองเห็น (visual spectrum) ตามปกติที่จุด 480 nm จะปรากฏอยู่ในช่วงน้ำเงินแกมเขียว ทุกความยาวคลื่นแสงที่ยาวกว่าจุดไม่มีสีสุนัขจะไม่สามารถแยกความแตกต่างได้ และจะมองเห็นเป็นสีเหลือง

[แก้]ประโยชน์ด้านสุขภาพต่อมนุษย์

จากการวิจัยแสดงให้เห็นว่าความใกล้ชิดของคนและสุนัขช่วยทำให้สุขภาพด้านร่างกายและจิตใจของมนุษย์ดีขึ้น ผู้ที่เลี้ยงสุนัขและแมว แสดงให้เห็นว่าพวกเค้าเหล่านี้มีสุขภาพกายและจิตดีกว่าผู้ที่ไม่เลี้ยงสัตว์เลี้ยง โดยที่พวกเค้าไปพบแพทย์น้อยกว่า และน้อยครั้งที่จะใช้ยาในการรักษา ในรายงานการสำรวจจากผู้ที่เริ่มเลี้ยงสัตว์เลี้ยงพบว่าปัญหาด้านสุขภาพนั้นได้บรรเทาลงหลังจากเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมาได้หนึ่งเดือน และ ส่วนใหญ่จะพบในผู้ที่เลี้ยงสุนัข เพราะเจ้าของสุนัขมีการออกกำลังกาย และการเคลื่อนไหวร่างกายมากกว่าเจ้าของแมว และผู้ที่ไม่มีสัตว์เลี้ยง ผลดังกล่าวเป็นข้อยืนยันได้อย่างดีว่าการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะสุนัขบางทีอาจมีผลด้านบวกต่อสุขภาพและพฤติกรรมของมนุษย์ และเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่เป็นเส้นเลือดหัวใจอุดตันยังมีโอกาสรอดชีวิตมากกว่าหรือมีชีวิตอยู่นานกว่าผู้ที่ไม่ได้เลี้ยงสัตวเลี้ยง ประโยชน์ด้านสุขภาพนี้น่าจะเกิดจากการเล่นหรือมีปฏิสัมพันธ์กับสุนัขมากกว่าไม่ใช่เฉพาะผู้ที่เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงเหล่านั้น ประโยชน์จากการได้เลี้ยงสุนัขยังส่งผลต่อการใช้ชีวิตในสังคมด้วย เช่น มีรายงานว่า ผู้พิการที่นั่งรถเข็นนั้น เมื่อมีสัตว์เลี้ยงอยู่ด้วยจะมีการปฏิสัมพันธ์กับคนแปลกหน้ามากกว่าขณะที่ไม่มีสัตว์เลี้ยงอยู่ด้วย

อ้างอิง